'ผุดผ่อง-อ่อนวัย' ผู้หญิงวัย 30+ ทำได้ไม่ยาก







เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัย 30 ต้นๆ คงเป็นวัยที่หนีไม่พ้นการมีคู่ครอง แต่งงาน หรือผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีภาระ และปัญหาหลายด้านให้คิดไม่เว้นแต่ละวัน จึงทำให้บางครั้งละเลยการดูแล และเอาใจใส่ตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้สุขภาพใจ และสุขภาพกาย โดยเฉพาะผิวหนัง แห้งเหี่ยวก่อนวัย

วันนี้ผู้หญิงวัยกลางคนทั้งหลายคลายกังวลได้เลยครับ เพราะ “พญ.กอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป” ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด และคอนทริบิวเตอร์ เว็บไซต์ sabai-arom.com จะมาเผยเคล็ดลับความงามผุดผ่องอ่อนวัยในผู้หญิงวัย 30 ขึ้นไป ทั้งจากประสบการณ์ และการได้ทดลองทำด้วยตัวเอง ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณแม่ลูกอ่อน และเข้าสู่ช่วงวิกฤติวัย 32 แล้วก็ตาม

ถ้าพูดถึงผู้หญิงที่เข้าสู่วัย 30 ตอนต้นๆ คุณหมอ เรียกผู้หญิงกลุ่มนี้ว่า “Mid-life Crisis at Thirty" เพราะเป็นช่วงวิกฤติของวัยกลางคนที่มีอายุ 30 ปี เนื่องจากชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเปลี่ยนจากสถานะโสด เป็นไม่โสด หรือเข้าสู่ช่วงสมรส และการมีลูก ซึ่งต้องมีเรื่องให้คิดอยู่หลายเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน

โดยเฉพาะ “Working Mom” ที่มีภาระงาน และการเลี้ยงลูก และนอกจากนี้อาจต้องมีภาระดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน ทำให้ความเครียด และภาระ ตกมาที่ผู้หญิงวัยนี้เกือบทั้งหมด จนไม่มีเวลาดูแล และใส่ใจสุขภาพของตัวเอง เกิดอารมณ์หงุดหงิด และระเบิดได้ง่ายกว่าวัยอื่น

เพราะฉะนั้น คุณหมอแนะนำว่า อย่างแรกเมื่อมีปัญหารุมเร้า คุณผู้หญิงวัย 30 ต้นๆ ต้องตั้งหลักให้ดี อะไรจะเกิดต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญมองโลกในแง่บวก และต้องยอมรับความจริงให้ได้ รวมถึงจัดสมดุลชีวิตให้เป็นระบบ ไม่ทุ่มให้กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งจนเกินไป วางได้ขอให้วาง

นอกจากนี้ควรหางานอดิเรกทำ เช่น ถ้าใครมีความสุขกับการทำอาหาร ก็ไปทำอาหาร หรือถ้าใครชอบประดิษฐ์ของเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำตามสิ่งที่ชอบ อย่างไรก็ดีอาหารก็มีความสำคัญไม่ใช่น้อย ไม่ควรกินอาหารมัน เค็ม เผ็ดมากเกินไป แต่ควรหันมากินผัก และผลไม้ให้มากขึ้น

*** ไขรหัสลับ ‘ความผุดผ่อง’ ให้ดู ‘อ่อนวัย’

พร้อมกันนี้ คุณหมอได้เผยเคล็ดลับของตัวเองไว้เป็นข้อๆ ซึ่งเธอการันตีว่า ไม่ต้องพึ่งเครื่องประทินผิว หรือสารเคมีช่วยสวยใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ใช้วิธีธรรมชาติบำบัดก็สามารถช่วยให้คุณผู้หญิงวัยกลางคนสวยผุดผ่อง-อ่อนวัยได้แล้ว ซึ่งจะมีกี่ข้อ อย่างไรนั้น ต้องตามไปไขรหัสความสวยพร้อมกับครับ

1. ปรับเวลานอน ถ้าใครนอนดึก คุณหมอแนะนำว่า ควรให้นอนเร็วขึ้นประมาณ 3 ทุ่ม (ไม่เกินนี้) เพราะช่วงเวลา 3 ทุ่ม จนถึง ตี 3 เป็นช่วงที่ภูมิต้านทานจะฟื้นตัวได้ดี และควรตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานด้านบวกยามเช้าจากแสงตะวัน

2. กินผักเสริมสวย เรื่องนี้ฟังดูแล้วอาจดูตลก ที่ต้องมานั่งสอนให้กินผัก แต่วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น ผักสีเขียว สีเหลือง หรือสีแดง ล้วนมีสารช่วยทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า

*** นอกจากนี้ถ้าใครอยากฝึกล้างพิษให้ร่างกาย ลองใช้วิธีนี้ดู กล่าวคือ ใน 1 วัน ให้กินผลไม้ 1 อย่าง ตลอดทั้งวัน เช้า กลางวัน และเย็น โดยไม่กินอาหารใดๆ เลย เช่น มะละกอ เป็นต้น ผลไม้จะช่วยล้างพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังช่วยลดไตรกลีเซอรอลในเลือดได้ดีอีกด้วย ทำอย่างน้อย เดือนละ 1-2 ครั้ง

3. อารมณ์ดีผิวดี การมีอารมณ์ดี ไม่เครียด ช่วยให้ข้างในมีความสุข ส่งผลให้ภายนอกมีความสุขกายตามไป ตรงคำกับคำที่ว่า "สุขภาพใจดี สุขภาพกายก็ดีตามไปด้วย"

4. ลดพิธีกรรมบนใบหน้าให้น้อยที่สุด ซึ่งใครสามารถลดแต่งได้ ก็ควรลด หรือถ้าลดไม่ได้ ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีฤทธิ์ไม่รุนแรงต่อสภาพผิว เนื่องจากสารเคมีที่มาจากเครื่องสำอางดังกล่าว จะช่วยถูกสะสมเข้าสู่ผิวหนัง และซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้ อย่างไรก็ดี คุณหมอแนะนำ ถ้าท่านใดที่ต้องการล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้า ลองมาใช้น้ำมันมะพร้าวดู ซึ่งล้างออกได้เหมือนกับโทนเนอร์

5. คิดบวกเยอะๆ คุณผู้หญิง หรือคุณแม่บางคนปี๊ดแตกวันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ คุณก็สวยไม่ได้ เพราะเมื่อคุณโกรธ ระดับความดัน และน้ำตาลในเลือดจะขึ้นสูง ทำให้ภายในร้อนฉ่า ส่งผลให้ภายนอกหงุดหงิด และไม่มีความสุขได้

7. กินถูกนอนหลับ คุณหมอบอกว่า เพื่อให้การนอนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น ให้ควรทานอาหารมื้อเย็นก่อน 19.00 น. (1 ทุ่ม) เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยเสร็จสมบูรณ์ ประมาณ 3 ชม.ก่อนเข้านอน ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายจะสร้างสารพิษแทน หากย่อยอาหารที่ตกค้างไม่หมด หรือถ้าจะให้ดีอาหารมื้อสุดท้ายของวัน ควรเสริมด้วยสมุนไพรไทย เช่น ขี้เหล็ก หรือดอกไม้จีน และควรลดเครื่องดื่มน้ำดำทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือแม้กระทั่งชาเขียว อย่างน้อย 6 ชม.ก่อนเข้านอน

8. ฝึกกำหนดลมหายใจ การฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกให้ถูกต้อง จะช่วยให้ชีวิตสงบ ผ่อนคลาย โดยวิธีฝึกเบื้องต้นคือ หายใจเข้า (ท้องป่อง) กลั้นหายใจนับ 1 2 3 จากนั้นปล่อยลมหายใจออก (ท้องยุบ) ช้าๆ แล้วนับเป็น 1 ทำแบบนี้ไปจนกระทั่งครบ 50 ครั้งก่อนนอน/วัน หรือสามารถฝึกในสถานที่อื่นๆ ได้เช่น ขณะนั่งรถเพื่อเดินทางไกล หรือนั่งในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม